เรื่องที่แล้ว

หน้า หลัก

เรื่องต่อไป

 ผีลูกเจ้าของโรงสีเฮี้ยนจัด 
        " ... มึงกล้าดีอย่างไง จะมาทำร้ายคนที่บ้านของกู ออกไปซะ! กูอยู่ที่นี่มา 300 กว่าปีแล้ว ... " เมื่อสมัยที่คุณปู่ของผมท่านยังเด็กท่านเคยเล่าให้ผมฟังว่าสมัยนั้นผีเยอะมาก ผมก็ถามท่านว่าทำไมผมไม่เคย เจอเลยล่ะปู่ คุณปู่ก็เลยเล่าให้ฟังว่า สมัยนั้นผีชุมมาก ชุมขนาดที่ว่าตอนกลางคืนออกจากบ้านไม่ได้เลย เจอผีอ ยู่เรื่อย และมีอยู่วัดหนึ่งซึ่งขึ้นชื่อว่าผีดุมาก มีหลายคนโดนหลอก คุณปู่บอกว่าตอนนั้นแกไม่ค่อยเชื่อ เดินผ่าน ป่าช้านี้ออกบ่อย แต่สำหรับที่อื่นนั้นแกเชื่อ โดยเพื่อนแกที่ชื่อ"กล้า" ได้เดินเข้าไปในป่าช้าเพื่อหาสัปเหร่อ เพื่อ ที่จะจ้างไปขุดศพของลูกชายโรงสีที่ถูกยิงตาย จ้างไปด้วยค่าจ้าง 200 บาท สัปเหร่อก็ตกลงจะขุด ทั้งสองก็เดิน ไปขุดศพจากหลุมที่ฝัง ระหว่างที่ขุดศพอยู่นั้น สัปเหร่อก็ได้พูดขึ้นว่า " ไอ้กล้ามันชักจะอย่างไงแล้วน่ะ " กล้าก็ ถามอะไรหรือตามั่น ตามั่นเลยบอกว่าบรรยากาศแบบนี้ เป็นสัปเหร่อมานาน เขารู้ว่าบรรยากาศไม่ดีนะซิ ตามั่น บอกว่าเหมือนมีคนมองเราอยู่ จากนั้นกล้ากับตามั่นก็ขุดศพต่อไปจนเจอศพ กล้าเองก็กำลังจะหยิบสร้อยคอจาก ศพลูกเจ้าของโรงสี มือถึงสร้อยคอกำลังดึงสร้อยออกมาจากคอ มือของศพก็คว้าข้อมือของกล้าไว้ กล้าเองด้วย ความตกใจก็ร้องให้ตามั่นช่วย ชั่วแว้บเดียวมือก็เป็นปกติ แต่พอหันหลังไป มือของศพก็กำลังยืดมาบีบคอของ กล้า กล้าเองถึงกับตาค้าง และทั้งสองก็วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ต่อมากล้าก็มาเล่าให้ปู่ผมฟัง ปู่เองก็ไม่ค่อยเชื่อ คิด ว่ากล้าหลอกโกหกเล่นๆ เพราะตัวปู้เองก็เคยไปขุดศพเพื่อเอาทองมานักต่อนัก ไม่ว่าวัดไหนที่เขาว่าดุ ก็ไม่เคย เจอทำให้ไม่เชื่อ กล้าเลยบอกปู่ให้ลองไปดู พอปู่เห็นสายสร้อยเข้าก็คิดจะเอามาใส่ยั่วผีดูเล่น ดูซิว่าเขาจะทำ อ ะไรได้ ซำยังพูดอีกว่าคุ้นกับวัดนี้มานาน รู้จักกับวัดนี้เป็นอย่างดี ก็อยากลองเจอเหมือนกันผีวัดนี้ กล้าเลยบอกว่า เอาอย่างนี้แล้วกัน เดี๋ยวให้พระไปคล้ององค์นึง เผื่อเจอพระท่านจะได้ช่วยได้ ต่อมาคืนนั้นเวลาประมาณตี 2 ได้ คุณปู่ก็เดินเข้าไปในป่าช้าวัดนี้ พอเดินไปเรื่อยๆก็พูดท้าทายผีลูกเจ้าของโรงสีต่างๆนาๆ แต่ก็ไม่ปรากฏตัวแต่ มีเสียงหมาหอน อาจเพราะเสียงคนเดินก็ได้ คุณปู่ก็เลยเดินมาหยุดที่หน้าหลุมศพของลูกเจ้าของโรงสี แล้วก็พูด ด่าว่าผีต่างๆนาๆ เพื่อที่จะได้เห็น แต่พอพูดจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ผีลูกเจ้าของโรงสีก็ไม่เห็นปรากฏร่าง พอ ประมาณยาม 4 ปู่เลยเดินกลับบ้าน แล้วก็ต่อว่านายกล้าว่าโกหก ไหนว่าจะโดนลูกเจ้าของโรงสีหลอกไง ไม่เห็น ปรากฏร่างให้เห็นเลย แล้วยังบอกอีกว่าคืนนี้จะลองอีกครั้ง คราวนี้ปู่มาท้าอีกตามเคย ผีก็ยังไม่ปรากฏร่าง ปู่จึง นึกขึ้นได้ว่าห้อยพระอยู่ที่คอที่ไม่ยอมออกมาให้เห็นเพราะอาจจะกลัวพระก็ได้ ปู่เลยบอกว่าจะถอดพระออก แล้ว ถ้าแน่จริงปรากฏกายให้เห็นเลย อยากรู้ว่าจะดุสมคำร่ำลือรึเปล่า พอปู่ถอดพระออก สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อ ผีลูกเจ้าของโรงสีปรากฏกายขึ้นทำเอาปู่ช็อคทำอะไรแทบไม่ถูกในใจมันนึกได้ว่าต้องหนี แต่ว่าขาทั้ง 2 ข้างมัน ก้าวไม่ออกเสียแล้ว ผีลูกเจ้าของโรงสีหัวเราะแล้วพูดว่า " ฮะ ฮะ ฮะ ข้าเห็นเอ็งห้อยพระ เลยยอมให้เอ็งด่าหรอก นะ แต่ตอนนี้เอ็งไม่มีพระแล้ว ตายเสียเถิด "แล้วก็พลันค่อยๆเลื่อนเข้ามาใกล้ๆ สภาพร่างก็ค่อยๆเละขึ้นเรื่อยๆ มีหนองออกเต็มตัวหนังตาถลกลูกตาปูดออกมาแทบจะหลุดออกจากเบ้าตา แขนมีแต่กระดูกและน้ำเหลืองช่าง น่าขยะแขยงและน่ากลัวเป็นอย่างมาก ผีลูกเจ้าของโรงสีบีบคอปู่อย่างแรง แล้วหัวเราะด้วยความสะใจ แต่แล้วปู่ ก็ท่องคาถาปราบผี จากนั้นผีก็ได้ปล่อยมือออกจากคอปู่ ปู่จึงรีบวิ่งกลับบ้านให้เร็วที่สุด แล้วยังพูดอีกว่าถ้าแน่จริง ให้ตามไปที่บ้านซิ ที่กล้าฑูดอย่างนี้ก็เพราะว่าที่บ้านมีพระเป็นจำนวนมาก เมื่อปู่กลับมาถึงบ้านก็เล่าเรื่องนี้ให้ กล้าฟัง กล้าได้ฟังแล้วตกใจมาก พร้อมกับพูดว่าโชคดีที่รอดกลับมาได้ แล้วคุณปู่ก็เล่าให้ฟังว่าพูดอะไรทิ้งท้าย ไว้ กล้าบอกว่ากล้ายังไงถึงท้าให้มาที่บ้าน ปู่บอกว่าไม่กลัวหรอกบ้านเรามีพระเครื่องเยอะ ถ้าแน่จริงก็มาเลย อย่าลืมซิผีกลัวพระที่สุดเลยนะ พอตกดึกผีก็มาจริงตามคำท้า มายืนตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้าน " มึงแน่จริง ออก มาซิท้ากูไม่ใช่หรือ ออกมาซะดีๆ ถ้าไม่ออกมากูจะไปบีบคอมึงถึงในห้องนอนเลย " พอดีห้องนอนปู่ไม่ได้ปิด หน้าต่างไว้ เจ้าผีก็มายืนอยู่ที่หน้าต่าง ทั้งที่หน้าต่างนั้นสูงมาก เพราะเป็นบ้านสองชั้น แล้วในห้องนั้นก็ไม่มีพระ เสียด้วย กล้านั้นกลัวมากเพราะรู้ว่าคืนนี้ผีมาแน่ ซึ่งก็มาจริงๆจึงย้ายมานอนรวมกันกล้านอนคลุมโปงด้วยความ กลัว แล้วก็แอบโผล่มาดูเห็นผีลูกเจ้าของโรงสีแล้บลิ้น ปลิ้นตาอยู่นอกหน้าต่างแล้วกำลังจะยดมือเข้ามาเพื่อที่จะ บีบคอ ทันใดนั้นทั้งปู่และกล้าก็ได้ยินเสียง " มึงกล้าดีอย่างไงจะมาทำร้ายคนที่บ้านของกู " แล้วผีลูกเจ้าของโรง สีก็เอามือออกไป แล้วพูดขึ้นว่า " มึงกล้าดีอย่างไง มาขวางกู " จากนั้นก็มีเสียงออกมาว่า " จะใหญ่มาจากไหน กูไม่สนใจ ออกไปซะ กูอยู่ที่นี่มา 300 กว่าปีแล้ว ยังไม่มีใครกล้ามาก่อกวนเลย แล้วมึงกล้าดีอย่างไง" ผีลูกเจ้า ของโรงสีบอกว่า " ก็กูกล้าไงถึงมา มึงเป็นใครอย่ามาขวางกู " จากนั้นก็มีเสีงต่อสู้กันเกิดขึ้น ปู่บอกว่าตอนนั้น กลัวก็กลัว แต่อยากจะรู้เลยแอบดู ก็เห็นคนโบราณนุ่งโจงกระเบนสีแดง มือถือกระบอง กำลังสู้กันอยู่กับผีลูกเจ้า ของโรงสี สู้กันอยู่นานผีลูกเจ้าของโรงสีก็แพ้กลายเป็นควันลอยหายไป พอรุ่งเช้าคุณปู่ก็เล่าให้คุณย่าฟัง ท่านจึง บอกว่าคนที่นุ่งโจงกระเบนนั้น มีโซ่ตรวนคล้องที่เท้าด้วยรึเปล่า เพราะนั่นเป็นนักโทษที่ตายที่นี่ วิญญาณไม่ได้ ไปผุดไปเกิด จึงวนเวียนอยู่แถวนี้ และคอยดูแลปกปักรักษาคนที่อยู่ที่เนี่ยให้อยู่เย็นเป็นสุข พอพูดเสร็จคุณย่าก็ เอาเครื่องเซ่นไปไหว้เจ้าที่เพื่อขอบคุณที่ช่วยชีวิตของปู่เอาไว้  

เรื่องที่แล้ว

หน้า หลัก

เรื่องต่อไป